โดยปัจจุบันคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี คิดเป็น 9-10%ของประชากร หรือประมาณ 6-7 ล้านคน ต้องมีการเสื่อมของกระดูกสันหลังเกิดขึ้น อาจมีอาการบิดเบี้ยวของกระดูกสันหลัง โก่ง คด งอ เลื่อนไปด้านหน้า ด้านข้าง หรือบริเวณบั้นเอว
สำหรับสาเหตุของอาการของปวดหลังในผู้สูงอายุ มีหลายอย่างด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเสื่อมของข้อต่อของกระดูกสันหลัง ตั้งแต่หมอนรองกระดูกเสื่อม กระดูกหลวม มีการจับตัวของเอ็นที่หนาขึ้นไปทับเส้นประสาทสันหลังหรือข้อต่อเล็กๆ การที่กระดูกสันหลังเสื่อมและโตขึ้นไปเบียดเสียดเส้นประสาทที่จะควบคุมลงมาที่ขาเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้มีอาการปวดร้าวลงขาและมีอาการชาร่วมด้วย ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน และมีอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนั้น ยังเกิดได้จากการได้รับอุบัติเหตุ ช่องไขสันหลังตีบ หรืออาจรุนแรงจากการเกิดเนื้องอก มะเร็งภายในกระดูกสันหลัง โดยอาการปวดหลังในผู้สูงอายุ มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะเกิดจากภาวะกระดูกเสื่อมบาง พรุน ซึ่งจะมีอาการปวดหลังรุนแรงหากกระดูกหักแล้วไม่ยึดติด
"อาการจะปวดหลัง มี 3 แบบ ตั้งแต่ปวดเฉยๆ ปวดหลังร้าวลงขา และปวดหลังร่วมกับขาอ่อนแรงจนขาเป็นอัมพาต หรือปวดอย่างรุนแรงกรณีเป็นมะเร็งกระดูก ซึ่หากมะเร็งกระจายไปกดทับไขสันหลัง ก็จะทำให้เกิดอัมพาตได้เช่นกัน"
ในการวินิจฉัยอาการปวดหลังของแพทย์ จะเริ่มตั้งแต่การซักประวัติ ตรวจร่างกาย แต่ถ้าหากคนไข้แข็งแรงดีไม่มีไข้ ปวดหลังอย่างเดียว แพทย์จะดูโครงสร้างว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น ถ้ามีหลังคดโก่ง แต่ไม่มีไข้ น่าจะบอกได้ว่าเป็นเพราะการเสื่อมของกระดูกสันหลัง แต่ถ้าหากมีการกดเจ็บตรงตำแหน่งที่โก่ง ต้องนึกถึงกระดูกสันหลังมีการติดเชื้อ หรืออาจเป็นมะเร็งของกระดูกสันหลัง ซึ่งจะมีอาการปวดตลอดเวลาไม่ว่าอยู่ในท่าไหน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ สันป่าตอง
"วิธีที่ดีที่สุดเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับกระดูกสันหลัง คือ การดูแลสุขภาพให้ดี ด้วยการทานอาหารให้ครบหมู่ มีสุขลักษณะในการขับถ่าย การออกกำลังกายเป็นส่วนที่สำคัญ เช่น เดินบริหาร่างกาย เล่นโยคะ นั่งสมาธิ ดูแลตัวเองอย่าให้เกิดการบาดเจ็บ หรือ หกล้ม รวมทั้งการตรวจเช็คร่างกายสม่ำเสมอ"
แม้อาการปวดหลังในผู้สูงวัย จะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่เราก็สามารถดูแลและป้องกันตัวเอง ไม่ให้กระดูกเสื่อมเร็วเกินไปได้ เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยดีขึ้น และไม่เป็นภาระแก่ลูกหลานขอให้ลูกหลานเข้าใจผู้สูงอายุด้วยนะค๊ะ